สิ่งมหัศจรรย์ของโลก



สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
        เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ( Seven Wonders of the World ) คือสิ่งที่ก่อสร้างที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสิ่งยิ่งใหญ่และมีความโดดเด่น มีการกล่าวถึง เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ครั้งแรกในช่วง ราว ศตวรรษก่อนคริสตกาล จากนั้นก็มีการอ้างถึงอีกครั้งโดยชาวกวีเชื้อสายกรีกในราวปีศตวรรษที่ ก่อนคริสตกาล เรียกว่า เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ จากนั้นต่อมาก็มีการทำบันทึกเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางและยุคปัจจุบัน แต่ไม่หลักฐานชัดเจนที่จะระบุผู้จัดทำบันทึกได้
การแบ่งประเภทของสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
 การแบ่งประเภทของสิ่งมหัศจรรย์ในโลก สามารถจำแนกออกเป็นหลายสาขา เช่น สิ่งมหัศจรรย์สาขาภูมิศาสตร์ สาขาประวัติศาสตร์ สาขาจิตรกรรม สถาปัตยกรรม สาขาชีววิทยา และสาขาวิทยาศาสตร์
        การจัดแบ่งสิ่งมหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรม หรือในด้านการก่อสร้าง สามารถบ่งออกได้เป็น ยุค หรือ สมัย คือ
  • สิ่งก่อสร้างที่มหัศจรรย์สมัยโบราณ
  • สิ่งก่อสร้างที่มหัศจรรย์สมัยกลาง
  • สิ่งก่อสร้างที่มหัศจรรย์สมัยปัจจุบัน
เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ
(สร้างขึ้นระหว่าง 5,000 ปี ก่อนคริสต์กาล - ศตวรรษที่ 5)
        สิ่งก่อสร้างที่มหัศจรรย์สมัยโบราณ อายุตั้งแต่ 5,000 ปี ก่อนคริสต์กาล - ค.ศ. 500 ประมวลและจัดโดยนักปราชญ์กรีก ชื่อ แอนติเพเตอร์( Antipater ) แห่งไซดอน ( Sidon )ในศตวรรษที่สองก่อน ค.ศ. สิ่งมหัศจรรย์ของโลก อย่าง สมัยโบราณเป็นผลงานของมนุษย์ทางด้านวิศวกรรมสถาปัตยกรรมและศิลปะชวนพิศวง จากยุคสมัยแรกเริ่มอารยธรรมของโลกในแถบลุ่มแม่น้ำไนล์ ในอียิปต์ ถึงยุคความรุ่งเรืองของอารยธรรมกรีกโบราณ และยุคสมัยอาณาจักรโรมันเรืองอำนาจ          สิ่งมหัศจรรย์ของโลกสมัยโบราณ ได้แก่


ปิรามิดแห่งกิซ่า (The Great Pyramid of Egypt )
        ปิรามิดเป็นสิ่งก่อสร้างรูปกรวยเหลี่ยมสำหรับเป็นที่เก็บศพกษัตริย์อียิปต์โบราณ ในอียิปต์มีอยู่ 70 ด้วยกัน แต่ปิรามิด แห่งที่อยู่เมืองกิซ่า คือ หลุมฝังศพของพระเจ้าฟาโรห์คีออพส์(พระเจ้าคูฟู) คีเฟรน และไมซีรีนัส เป็นปิรามิดที่ใหญ่ที่สุดสันนิษฐานว่าปิรามิดนี้ สร้างขึ้นมาตั้งแต่ 4600 ปีมาแล้ว นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคเก่า ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและยังคงตั้งตระหง่านอยู่เพียงแห่งเดียวในโลก ใช้เวลาสร้าง 10 ปี

ภาพ:Giza.jpg
พีระมิดแห่งเมืองกิซ่า
สวนลอยแห่งกรุงบาบิโลน (The Hanging Gardens of Babylon)
        พระเจ้าเนบูชัดเนซซาร์ โปรดให้สร้างสวนลอยซึ่งมีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วจนกลายเป็น สิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของโลกสวนลอยนี้ เป็นสวนที่สร้างอยู่เหนือพื้นดินบนพื้นที่กึ่งทะเลทราย พระเจ้าเนบูชัดเนซซาร์ ทรงสร้างให้พระมเหสีซึ่งเป็นเจ้าหญิงแห่งมีดส์ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ดี ร่วมกันขับไล่พวกอัสซีเรียออกไปได้ ตามตำนาน พระราชินีเซมีรามิส องค์นี้ทรงอาลัยอาวรณ์ ภูมิประเทศที่เป็นเทือกเขาเปอร์เซีย อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนและไม่โปรดความราบเรียบของนครบาบิโลน ดังนั้นจึงมีการสร้างสวนลอยขึ้นเป็นภูเขาซึ่งสร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์
ภาพ:Hangingardens.gif
สวนลอยบาบิโลน
เทวรูปเทพเจ้าซีอุส (The Statue of Zeus at Olympia)
        เทวรูปซีอุส เป็นสิ่งมหัศจรรย์ยุคเก่าแก่สิ่งหนึ่งของโลก คือ สร้างขึ้นประมาณ 2,400 ปีก่อน ระหว่งปี ค.ศ. 53 - 111 ตามตำนานที่จารึกไว้ได้ระบุว่าเทวรูปทำจากงาช้างสูง 58 ฟุต มีขนาดใหญ่กว่าคนปรกติถึง เท่า พระหัตถ์ซ้ายทรงคทา พระหัตถ์ขวารองรับ รูปปั้นแห่งชัยชนะ (A small figure of Victory ) มีเครื่องประดับ ประดาด้วยทองคำล้วน

ภาพ:Zeus.jpg
เทวรูปเทพเซอุส
มหาวิหารอาร์เทมีส (The Temple of Artemis)
        เป็นวิหารสร้างด้วยหินอ่อน เลียบแบบศิลปะแบบกรีก เพื่อถวายเทพเจ้าอาร์เทมีส (เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ของกรีก) ผู้มาจากสวรรค์ ผู้ช่วยชาวเมืองให้พ้นจากหายนะและภัยพิบัติได้ อยู่ในเมืองอีเฟซุสบนชายฝั่งแห่งหนึ่งปัจจุบันนี้ คือประเทศตุรกี ในรัชสมัยของกษัตริย์อเล็กซานเดอร์แห่งกรีก จัดเป็นวัดที่สวยงามแห่งหนึ่งจนกลายเป็นที่รู้จักว่า เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคเก่า

ภาพ:Artemis.jpg
เทวาลัยดิอานา
สุสานของกษัตริย์โมโซรุส (The Mausoleum at Halicarnassus)
        สุสานเก่าแก่ของพระเจ้ามุสโซลุส กษัตริย์แห่งเอเซียไมเนอร์ หรือเปอร์เซียในปัจจุบัน สร้างโดยพระมเหสีชื่อ อาเตมีสเซีย ซึ่งเป็นทั้งพระขนิษฐาของพระองค์ด้วย ความตายของพระสวามี ทำให้พระนางเสียพระทัยมากถึงขนาดผสมเถ้าถ่านกระดูกของพระสวามีกับเครื่องดื่มของพระองค์ จึงสร้างสุสานไว้เป็นที่ระลึก คำว่า MAUSOLEUM จึงถูกใช้ขนานนามสุสานขนาดใหญ่ ๆ ในเวลาต่อมา

ภาพ:เมาโซเลอุม.jpg
เมาโซเลอุม

เทวรูปเทพเจ้าเฮลิออส (The Colossus of Rhodes)
        เป็นรูปของเทพเจ้าเฮลิออส หรือ อพอลโล สูงถึง 105 ฟุต หรือ 32 เมตร ละหนักถึง 295 ตัน หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ในท่ายืน ตัวเทวรูปตั้งอยู่บนฐานทั้งสองข้างของปากอ่าว องค์เทวรูปยืนถ่างคร่อมปากอ่าว ให้เรือลอดไปมาได้ มีกระจกบานใหญ่ติดอยู่บน อกทำให้เรือที่แล่นออกจากอียิปต์มองเห็นได้ชัดเจน

ภาพ:เฮลิออส.jpg
เทวรูปเฮลิออส
หอประภาคารโรส (The Lighthouse of Alexandria )
        ประภาคารนี้ทำด้วยหินอ่อนสีขาวสลีกลวดลาย วิจิตรงดงาม ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียน ท่าเรือของเกาะฟาโรส สร้างในสมัยพระเจ้าปโตเลมีที่สองของอียิปต์ช่วงปี 270 ปีก่อนคริสตกาลสิออกแบบโดยสถาปนิกชาวกรีกชื่อโซสตราโตส

ภาพ:ประภาคารฟาโรส.jpg
ประภาคารฟาโรส

เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง
(สร้างขึ้นตั้งแต่ คริสตศตวรรษที่ 5 - คริสตศตวรรษที่ 16)
        สิ่งมหัศจรรย์ของโลกสมัยกลาง ถูกจัดขึ้นมาและเป็นที่ยอมรับกันแพร่หลายต่อมาหลังจากมีการตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งมหัศจรรย์ของโลกสมัยโบราณแทบทั้งหมด ยกเว้นพีระมิล้วนแต่เสื่อมโทรมเสื่อมสลายไปหมดสิ้น เหลือเพียงร่องรอยหลักฐาน หรือแบบจำลองเท่านั้น
        สิ่งมหัศจรรย์ของโลกสมัยกลาง ล้วนแต่ยังดำรงอยู่เป็นหลักฐานให้ศึกษากันในปัจจุบัน ถึงแม้จะเสื่อมโทรมไปบ้างตามกาลเวลา สำหรับคำว่า สมัยกลาง ของ สิ่งมหัศจรรย์ของโลกสมัยกลาง มีความหมายเพียงเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคถัดมา จากยุคโบราณเท่านั้น ซึ่งมีดังต่อไปนี้
สนามกีฬากรุงโรม (Colosseum of Rome)
        สนามกีฬากรุงโรม หรือ โคลอสเซียม ตั้งอยู่ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี ตัวสนามสร้างมีรูปเป็นตึกวงกลมก่อด้วยอิฐและหินขนาดใหญ่ วัดโดยรอบยาว 527 เมตร สูง 57 เมตร มี ชั้น ภายในมีอัฒจรรย์สำหรับคนนั่งดู จุคนดูประมาณ 80,000 คน ใต้อัฒจรรย์ และใต้ดินมีห้องสำหรับขังนักโทษที่รอการประหารชีวิต และสิงโต หลายร้อยห้อง ใช้เป็นสถานที่ให้นักโทษ ต่อสู้กับสิงโตที่อดอาหาร หากนักโทษผู้ใดเอาชนะ ฆ่าสิงโตได้ด้วยมือเปล่าได้ก็รอดชีวิตไป หรือ ไว้ใช้เป็นที่ประลองฝีมือในเชิงฟันดาบของบรรดาเหล่าทาสให้ต่อสู้กันเอง ยิ่งถ้าต่อสู้กัน จนถึงสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ตาย ก็จะได้รับเกียรติอย่างสูงเพราะเป็นการต่อสู้ที่ชาวโรมันนิยมและยกย่องกันมากทปีๆธิหนึ่งต้องสูญเสียชีวิตนักโทษและทาสไม่ต่ำกว่าร้อยคน

ภาพ:Colosseum.jpg
โคลอสเซียม
สุสานแห่งอเล็กซานเดรีย ( Catacombs of Alexandria Egypt)
        สุสานแห่งอเล็กซานเดรีย เป็นอุโมงค์ที่เก็บศพ และทรัพย์สมบัติของกษัตริย์อียิปต์โบราณ อุโมงค์ฝังศพนี้ มีชื่อเรียกว่า คาตาโคมบ์ (Catacombs) เป็นอุโมงค์ที่สร้างด้วย หินก้อนใหญ่ ๆ และ ขุดลึกลงไปเป็นชั้นๆ บางตอนลึกถึง 21 ถึง 24 เมตร (70-80 ฟุต) มีทางเดินกว้างถึง 1.2 เมตร (3-4 ฟุต) วกไปเวียนมา เป็นระยะทางหลาย ๆ กิโลเมตร ตามริมผนังของอุโมงค์เป็นช่อง ๆ ไว้ สำหรับเป็นที่ บรรจุศพ มีแท่นบูชาอยู่หน้าช่องบรรจุศพเหล่านั้น พร้อมตะเกียงดวงเล็กๆ แขวนไว้ บางส่วนของอุโมงค์ตกแต่งทั่ว ๆ ไปไว้อย่างวิจิตรงดงาม ปัจจุบันยังคงมีสภาพสมบูรณ์

ภาพ:Facade.jpg
หลุมฝังศพแห่งอะเล็กซานเดรีย
กำแพงเมืองจีน (Great Wall of China)
        กำแพงเมืองจีน หรือกำแพงอิฐยักษ์ เป็นกำแพงกั้นเมือง และกั้นประเทศทั้งประเทศ ตามพรมแดนด้านเหนือของจีน เป็นกำแพงที่ยาวใหญ่มหึมา หาที่ใดในโลกมาเปรียบ ไม่ได้อีกแล้ว มีขนาดกว้างตั้งแต่ 4.5 เมตร ถึง 7.5 เมตร(10 ฟุต) ซึ่งทหารม้าเข้าแถวเรียง ได้อย่างสบาย ๆ มีความสูง จากพื้นด้านล่างตั้งแต่ เมตร ถึง เมตร(20-30 ฟุต หนา15-25 ฟุต) สูงพอที่จะไม่สามารถ ปีนข้ามไปได้ง่าย ๆ เดิมเชื่อว่ามีความยาว 2,550 ไมล์ ( 2,400 กิโลเมตร) บนกำแพงทุก ๆ ระยะ 200 เมตร(300 ฟุต) จะมีหอหรือป้อม สำหรับตรวจเหตุการณ์ มีป้อมมากกว่า 15,000 แห่ง สร้างสูงขึ้นไปอีก เมตร ถึง เมตร และมีระฆังแขวน เพื่อตีบอกสัญญาณเกิดเหตุ ไว้ประจำทุกหอ รวมทั้งหมดมีไม่ต่ำกว่า 20,000 หอ เริ่มสร้างระหว่างปี พ.ศ. 300-329 (243-252ปีก่อนคริสตกาล) ในสมัยพระเจ้าซี่วังตี่ ใช้เวลาสร้างประมาณ 10 ปี และมีการสร้างต่อเติมอีกหลายกครั้ง ใช้แรงงานเกณฑ์จากราษฎรทั้งประเทศ นับจำนวนล้าน มีผู้เสียชีวิตนับพันนับหมื่น

ภาพ:กำแพงเมืองจีน.jpg
กำแพงเมืองจีน

กองหินประหลาดสโตนเฮนจ์ (Stonehenge)
        กองหินประหลาดนี้อยู่กลางทุ่งนาแห่งเมืองซัลลิสเบอรี ห่างจากกรุงลอนดอน ปรเทศอังกฤษ ประมาณ 10 ไมล์ ประกอบด้วยแนวหินขนาดมหึมาหินเรียงรายราว ๆ กิโลเมตร และ มีกลุ่มหินใหญ่ประมาณ 112 ก้อน ตั้งโดดเดี่ยวอยู่กลางทุ่งนา เป็นรูปวงกลมซ้อนกันอยู่ วง บางก้อนล้มนอน บางก้อนตั้งตรง บางก้อนวางซ้อนทับอยู่บนยอดก้อนหินที่ตั้งอยู่สองก้อน มีผู้สันนิษฐานว่าตั้งอยู่ในที่นั้นมาตั้งแต่ก่อนคริสตกาลถึง 1,700 ปี เป็นสิ่งก่อสร้างที่โดยไม่มีร่องรอยของความเป็นมา ไม่มีใครทราบว่าใครเป็นผู้สร้างสร้างเพื่อวัตถุประสงค์อะไรที่น่าแปลกก็คือ ในริเวณนั้นเป็นทุ่งกว้าง ไม่มีภูเขาและสิ่งก่อสร้างด้วยก้อนหินอื่น ๆ อีกเลย จึงทำให้สงสัยว่าผู้ก่อสร้างนำหินเหล่านั้นมาจากไหน และไม่ปรากฏว่ามีการขน หรือสิ่งปรักหักพังในการก่อสร้าง บริเวณที่ดังกล่าว ใช้อะไรยกหินก้อน ที่หนัก ๆ หลาย ๆ ตันขึ้นวางซ้อนกันได้ ซึ่งอยู่สูงถึง 13 ฟุต นับเป็นสิ่งก่อสร้างที่มหัศจรรย์ที่ท้าทายความอยากรู้ของมนุษย์ยุคปัจจุบันยิ่งนัก

ภาพ:Stonehenge.jpg
สโตนเฮนจ์
เจดีย์กระเบื้องเคลือบเมืองนานกิง (Porcelain Tower of Nanking)
        เจดีย์กระเบื้องเคลือบเมืองนานกิง ตั้งอยู่ในประเทศจีน เป็นสิ่งก่อสร้างเจดีย์รูปแปดเหลี่ยม สูง ชั้น สูง 261 ฟุต หลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีเขียว มีกระดิ่งแขวนไว้ 80 ลูก และโคมไฟประดับอีกหลายร้อยผูกแขวนไว้ตามชายคา ยอดเจดีย์เป็นรูปกลมปิดทอง องค์เจดีย์ก่อด้วยอิฐ ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบทั้งหมด เดิมทีพุทธศาสนิกชนชาวจีนเป็นผู้สร้างไว้เพียง ชั้น
ภาพ:เจดีย์กระเบื้องเคลือบนานกิง.jpg
เจดีย์กระเบื้องเคลือบหนานกิง
หอเอนเมืองปิซา (Leaning Tower of Pisa)
        หอเอนแห่งเมืองปิซา ตั้งอยู่ที่เมืองปิซ่า ประเทศอิตาลี เป็นหอคอยหินอ่อนที่พิศดาร สูง 54 เมตร ( 181 ฟุต) มี ชั้น แต่ละชั้นมีเสาหินอ่อนที่สลักลวดลายวิจิตรรองรับ ได้ลงมือสร้างเมื่อ พ.ศ. 1717 (ค.ศ. 1174) ไปเสร็จในปี พ.ศ. 1893 (ค.ศ. 1350) ใช้เวานานถึง 176 ปี ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่ใช้เวลาสร้างนานที่สุดในโลก ความน่ามหัศจรรย์อีกอย่าง คือ เมื่อเริ่มสร้างได้ 4-5 ชั้น หอนี้เริ่มเอียง แต่ไม่ถึงกับพังทลายลงมา เพราะแรงที่จุดศูนย์ถ่วง เมื่อลากดิ่งลงมาไม่ออกนอกฐานจึงไม่ล้มยังทรงตัวอยู่ได้ เมื่อสร้างเสร็จ ยอดของหอเอียงออกจากแนวดิ่งของฐานถึง เมตร( 14 ฟุต) และหอเอนนี้ช่วยให้กาลิเลโอ นักวิทยาศาสตร์ ชาวอิตาเลียน ผู้มีชื่อเสียงของโลก ได้ทดลองเรื่องอัตราเร็วของเทห์วัตถุที่ตกลงมาจากที่สูง

ภาพ:Pisa.jpg
หอเอนเมืองปิซา
สุเหร่าเซนต์โซเฟีย (Mosque of Hagia Sophia )
        สุเหร่าเซนต์โซเฟีย(Saint Sophia) หรือ โบสถ์ฮาเจีย โซเฟีย ตั้งอยู่ที่ เมืองคอนสแตนดิโนเปิล ประเทศตุรกี ปัจจุบันเป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม ในอดีตเป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์ พระเจ้าจักรพรรดิ์คอนสแตนตินเป็นผู้สร้างเมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่13 ใช้เวลาสร้าง 17 ปี เพื่อเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์ แต่ถูกผู้ก่อการร้ายบุกทำลายเผาเสียวอดวายหลายครั้งเพราะเกิดการขัดแย้งระหว่าง พวกที่นับถือศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลาม

ภาพ:สุเหร่าเซนต์โซเฟีย.jpg
สุเหร่าเซนต์โซเฟีย

เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบัน
(สร้างขึ้นระหว่าง ศตวรรษที่ 17 - ศตวรรษที่ 20 และเป็นรายชื่อก่อนประกาศวันที่ 07/07/07)
        เป็นการรวบรวมรายชื่อเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกทางด้านสถาปัตยกรรม จากกลุ่มวิศวกรโยธา ประเทศสหรัฐอเมริกา มีดังนี้
ชิเชน อิตสา (Chichen Itza)
        ชิเชน อิตสา ตั้งอยู่ในประเทศเม็กซิโก เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิหารจำนวนมากมายซึ่งพวกมายาได้สร้างขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์ของเทพเจ้าผู้ทรงกระหายพระโลหิต ตัววิหารก่อสร้างซ้อนกันเป็นชั้น ๆ บนเนื้อที่ราว 6.4 ตารางกิโลเมตร วิหารที่ใหญ่สุดมีชื่อว่า มหาวิหารแห่งนักรบ สร้างคริสต์ศตวรรษที่ 12 สร้างทีหลัง วิหารเก่าแห่งชัคมูล ตรงกลางสร้างเป็นปราสาทเหลี่ยมทึบสูงขึ้นไปใช้เป็นที่ทำพิธีสังเวยเทพเจ้าโดย ใช้เด็กสาวโยนลงไปถวายเทพเจ้า ณสิที่นั้น

        ลักษณะโดยทั่วไปของชิเชน อิตสา ทำเป็นรูปเหลี่ยมลดขั้นเป็นชั้น ๆ มีบันไดกลาง รอบ ๆ ทำเป็นบริเวณตลาดทำนองเดียวกับสถานสถิตยุติธรรมของพวกโรมันทซึ้งอยู่กลางเมือง ที่สาธารณะ เป็นที่รวมของฝูงประชาชน

ภาพ:ชิเชนอิสสา.jpg
ชิเชนอิตสา
รูปปั้นของพระเยซู เมือง ริโอ เดอ จาเนโร (Statue Cristo Redentor)
        รูปปั้นของพระเยซูที่โปรดให้พ้นบาป ยืนสูง 30 เมตร (98ฟุต) และกำลังมองข้ามเมือง Rio de Janeiro หนึ่งในรูปปั้นสูงที่สุด ในโลก. รูปปั้นแสดง พระเยซูเยืนยื่นแขนออกมาต้อนรับ และเป็นหนึ่งของสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงมากของเมืองนี้ พัฒนาดดยวิศวกร Heitor da Silva Costa และองค์กร สร้างขึ้นในปี 1921 ดครงการทำเกือบ ปีจึงเสร็จสิ้น รูปปั้นอยู่บนภูเขา Corcovado (ภูเขา Hunchback ) และตั้งใน อุทยานแห่งชาติ Tijuca เป็นสถานที่ปิคนิกที่รื่นเริง นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปฐานของรูปปั้น ซึ่งสูง 709 m (2326ฟุต) สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของภูเขา Sugar Loaf กลางเมือง Rio de Janeiro และชายหาดของ Rio de Janeiro นักท่องเที่ยวสามารถ ขึ้นรถไฟ ไปบนยอดของภูเขาเพื่อมองรูปปั้นอย่างใกล้ชิด และสร้างวิวที่สวยงามมากมาย

ภาพ:รูปปั้นพระเยซู.jpg
รูปปั้นพระเยซู
สนามกีฬากรุงโรม ( Colosseum of Rome)
        สนามกีฬากลางแจ้งแห่งนี้เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงของโลกอย่างหนึ่ง เป็นอนุสรณ์ที่ ใหญ่โตของอาณาจักร โรมันสมัยโบราณสร้างขึ้นในระหว่างสิพ.ศ. 615 ถึง 623 (ค.ศ. ที่ 72 ถึง 80) สนามกีฬากลางแจ้งแห่งนี้เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงของโลกอย่างหนึ่ง เป็นอนุสรณ์ที่ ใหญ่โตของอาณาจักร โรมันสมัยโบราณสร้างขึ้นในระหว่างสิพ.ศ. 615 ถึง 623 (ค.ศ. ที่ 72 ถึง 80)

ภาพ:สนามกีฬากรุงโรม.jpg
สนามกีฬากรุงโรม
กำแพงเมืองจีน (Great Wall of China)
        กำแพงเมืองจีน ตั้งอยู่ในประเทศจีน เป็นสิ่งก่อสร้าง ชนิดเดียวในโลก ที่สามารถมองเห็น เมื่อมองจากดวงจันทร์ ในสมัยนั้นเป็นสิ่งก่อสร้างที่ป้องกันข้าศึกได้อย่างดีเยี่ยม ปัจจุบันไม่มีความหมายในด้านป้องกันประเทศอีกแล้ว คงมีค่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่มหัศจรรย์อย่างหนึ่งของโลก

ภาพ:Great wall.jpg
กำแพงเมืองจีน

อาณาจักรอินคา (Inca city)
        อาณาจักรอินคา เมืองบคุสโซ ประเทศเปรู ใกล้ๆ เมืองคุสโซ ภูมิประเทศแสนกันดารยากจะเข้าถึง เป็นยอดสูงมีบริเวณรอบ ๆ รวมแล้วความสูงของหน้าผาประมาณ 304.8 เมตร (1,000 ฟุต) ฮิแรม บิงแฮม นักสำรวจชาวอเมริกัน ไปพบมาจุ ปิคชุ ในปี ค.ศ. 1911 บริเวณนั้นเป็นป่าใหญ่คลุมพื้นที่อยู่ นอกจากสิ่งก่อสร้าง ปรักหักพังบางส่วนที่โผล่อยู่ให้เห็นสิ่งก่อสร้างดังกล่าวบ่งบอกให้เห็นความสามารถยอดเยี่ยม เชิงสถาปัตยกรรมของชาวอินคาในอดีตที่ปรากฎก็มีโบสถ์วิหาร อ่างหินสำหรับเก็บน้ำ บันไดหินเป็นพัน ๆ ขั้น เพือเป็นทางทอดระเบียงลงไปในที่ต่าง ๆ แห่งนครผู้เขานี้

        เรื่องราวการพิชิตอาณาจักรอินคาเริ่มจากปี ค.ศ. 1532 เกิดการต่อสู้วิวาทของชาวพื้นเมือง เปิดโอกาสให้ ฟรานโก ปิซาโร นักผจญภัยชาวสเปน จับหัวหน้าเผ่าอินคาชื่อ อตา ฮวลปา ไว้บังคับให้บอกที่ซ่อนทองพอรู้เรื่องก็ปล้นยึดเอาไปจากอาณาจักรอินคาแต่เป็นชัยชนะระยะสั้น ได้เกิดการสู้รบระหว่างนักผจญภัยชาวสเปนคนอื่น ๆ และปิซาโร ลงท้ายด้วยปิราโซกับพวก จำนวนมากได้ถูกสังหาร พวกชาวพื้นเมืองพยายามตีโต้ขับไล่พวกสเปนจากภูเขาที่มั่นคงแข็งแกร่งแห่งมาจุ ปิคชุ

        หลังจากพวกอินคาได้ลุกฮือขึ้นต่อสู้ได้มีการตั้งผู้ปกครองคือ มานโค คาแปค ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก สมัยมานโคที่ ชาวพื้นเมืองได้รวมตัวกันก่อสงครามเบ็ดเสร็จขับไล่พวกสาเปนจากภูเขาอันเป็นที่มั่น รบกันไม่นาน ฝ่ายสเปนกลับได้เปรียบ พวกชาวพื้นเมืองเผ่าอินคาถูกสังหารล้มตายลงราวกลับใบไม้ร่วง จนในที่สุดแม้ตัวมานโค ผู้เป็นหัวหน้าก็ตายในที่รบ

ภาพ:Machupicchu.jpg
อาณาจักรอินคา

เปตรา (Petra)
        นครเปตราในจอร์แดนเป็นเมืองที่เจาะสลักเข้าไปในหินเกือบทั้งหมด รอบบริเวณ ไม่ว่าจะเป็น วิหาร หลุมศพ บันได โรงละคร ซึ่งขุดสลัก มาแต่ยอดเขาลงมาเป็นหลืบลดหลั่นเป็นช่อชั้นงดงาม แสดงถึงฝีมือและ ศิลปะในการสลักหินได้อย่างยอดเยี่ยม สีของหินก็กลมกลืนกันดี ตัวตึกสี เลือดนก สีกุหลาบและสีม่วงเป็นลำดับ ถือกันว่าเป็นศูนย์กลางของอารยธรรม เบื้องต้นของเขตตะวันออกกลางที่เรียกว่านาบาทีนส์ คนแถบนี้เป็นพวกเร่รอน อาชีพเลี้ยงแกะอยู่ไม่เป็นที่ เป็นพวกชอบทำธุรกิจค้าขายเครื่องเทศจากตะวันออก ไปยังเขตเมดิเตอร์เรเนียน จากนั้นก็ขนส่งลงเรือไปสู่ยุโรป ในช่วงเวลาที่มีการ ค้าขายอย่างกว้างขวางกับอาณาจักรต่าง ๆ สืบมาจนถึงปัจจุบันได้ใช้เส้นทาง ในเขตซีเรียสู่ซาอุดีอารเบียโดยอาศัยกองคาราวานขนส่ง ได้สร้างความร่ำรวย และอำนาจราชศักดิ์ จนได้กลายมาเป็นนครเปตราขึ้นจากพวกอีโดไมท์ ซึ่งถือ เป็นเมืองหลวงในราว 300 ปี ก่อนคริสต์กาล

ภาพ:เพทรา.jpg
เปตรา

ทัชมาฮัล (Taj Mahal)
        ทัชมาฮัล ตั้งอยู่ที่ เมืองอักรา ประเทศอินเดีย เป็นอนุสาวรีย์แห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ของโลก เพราะที่นี่เป็นสุสานฝังศพของ มุมทัชมาฮัล ราชินีผู้ป็นที่รักยิ่งของ พระเจ้าชาห์เยฮัน อยู่ในเมืองอัคระ บนฝั่งแม่น้ำยมนา ประเทศอินเดีย

        ทัชมาฮาล สร้างระหว่างปี พ.ศ. 2173-2191 (ค.ศ. 1630-1648) เสียเวลาสร้างอยู่ 23 ปี ทกส่วนสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวนวลบริสุทธิ์ ตามแบบสถาปัตยกรรมเปอร์เซีย โดยสถาปนิก อุสตาด ไอสา (Ustad lsa) มีผู้ร่วมสร้างเป็น ผู้ออกแบบ ช่างเขียนลวดลาย ช่างอิฐ ช่างปูน ช่างประดับลวดลายด้วยกระเบื้อง ช่างแกะสลัก ช่างตกแต่งภายใน รวม 20,000 คน วัตถุในการก่อสร้าง คือ หินอ่อนสีขาวจากเมืองมะครานา หินอ่อนสีแดงจากเมืองฟาตีบุระ หินอ่อนสีเหลือง จากฝั่งแม่น้ำนรภัทฑ์ เพชรตาแมวจากกรุงแบกแดด ปะการัง และ หอยมุกจากมหาสมุทรอินเดีย หินเจียรไนสีฟ้าจากเกาะลังขะ เพชรจากเมืองบนทลขัณฑ์ สิ้นเงินค่าก่อสร้าง 50,000,000 เหรียญอเมริกัน หรือ ประมาณ 1,000,000,000 บาท

ภาพ:ทัชมาฮาล.jpg
ทัชมาฮาล

เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่
(สร้างขึ้นระหว่าง ศตวรรษที่ 17 - ศตวรรษที่ 20 และเป็นรายชื่อที่ประกาศตั้งแต่วันที่ 07/07/07 ถึงปัจจุบัน)
        เมื่อวันที่ กรกฎาคม พ.ศ. 2550 (07/07/07 ตามการนับเวลาของ คริสตศักราช) องค์กร New7Wonders (N7W) ได้ประกาศรายชื่อ เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ จากการร่วมโหวตของคนทั่วโลกผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์

อุโมงค์รถไฟใต้ทะเล ประเทศอังกฤษ-ฝรั่งเศส
ภาพ:Channel tunnel.jpg
อุโมงค์รถไฟใต้ทะเล

หอคอยซีเอ็นทาวเวอร์ (CN Tower)
        สิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกขณะนี้ คือ หอคอยซีเอ็นทาวเวอร์ ที่เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา มีความสูง 1,821 ฟุต สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1975 รูปทรงสัณฐาน เหมือนเข็ม เย็บกระสอบเสียบแห้วตรงปลาย ตรงที่เหมือนแห้วนี้เป็นชั้นชมวิวชั้นล่าง มีภัตตาคาร ร้านอาหาร (อยู่คฃตรงความสูง 1,136 ฟุต) หากขึ้นไปถึงความสูง 1,465 ฟุต ตรงนี้จะมีอีก กระเปาะเล็กๆ เรียกว่า สกายพอด (Sky Pod) ตรงนี้ชมวิวได้ไกลโพ้นถึง 100 กิโลเมตร ในวันที่อากาศดีๆ สามารถมองเห็นน้ำตกไนแอการาได้ใกล้ๆ ส่วนลิฟต์ที่พาขึ้นไปชมนั้นวิ่ง ด้วยความเร็วจากพื้นถึงชั้นชมวิว(กรเปาะะเห้ว)แค่ 58 วินาทีเท่านั้น
ภาพ:Cnntower.jpg
ซีเอ็น ทาวเวอร์

เขื่อน itaipu ประเทศบราซิล-ปารากวัย
        เขื่อนอิไตปู(Itaipu) คำว่าอิไตปู แปลว่า"เสียงเพลงจากก้อนหิน"มาจากภาษากวารานิ(Guarani)ชาวอินเดียนแดงเผ่าดั้งเดิม เขื่อนอิไตปู เป็นเขื่อนคอนกรีตขนาดใหญ่ซึ่งในอดีตจัดได้ว่าเป็นเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลกก่อนที่เขื่อนสามหุบเขาของจีนจะแล้วเสร็จ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1984 แล้วเสร็จในปี ค.ศ.1988

        เขื่อนอิไตปูกั้นแม่น้ำปารานาบริเวณเขตแดนระหว่างประเทศบราซิลกับประเทศปรากวัย จึงทำให้เขื่อนนี้เป็นทั้งผนังกันน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าและเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสองประเทศอีกด้วย เขื่อนอิไตปูเป็นเขื่อนคอนกรีตชนิดเขื่อนแบบกลวง มีขนาดความสูง 180 เมตร มีความยาวกว่า กิโลเมตร ใช้คอนกรีตในการสร้างกว่า 28 ล้านตัน ซึ่งสามารถสร้างสนามฟุตบอลได้ 210 สนาม และใช้เหล็กมากขนาดสร้างหอไอเฟลได้ 380 หอเลยทีเดียว เมื่อสร้างเสร็จด้านเหนือเขื่อนจึงเกิดอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่มีเนื้อที่กว่า 1,550 ตารางกิโลเมตร ระยะทางยาวลึกขึ้นไปทางเหนือเขื่อนอีกกว่า 160 กิโลเมตร มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 18 เครื่อง มีกำลังการผลิต 12,600 เมกะวัตต์ จึงสามารถจ่ายไฟให้กับประเทศปรากวัยได้ทั้งประเทศรวมทั้งเมืองใหญ่ของบราซิลทั้งนครเซาเปาโล และนครริโอ เดอ จาเนโร ได้อย่างสบาย แต่ภายหลังได้มีโครงการเพิ่มเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเป็น 20 เครื่อง ภายในปี 2550 และสามารถเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 14,000 เมกะวัตต์

ภาพ:Itaipu.jpg
เขื่อน itaipu

ตึกเอ็มไพร์สเตต ประเทศสหรัฐอเมริกา
         เป็นตึกสูงระฟ้าอยู่บนเกาะแมนฮัตตัน หน้านครนิวยอร์คของสหรัฐอเมริกา แม้ว่าจะมิใช่เป็นตึกที่สูงที่สุดของโลกในปัจจุบันก็ตาม แต่เป็นสิ่งก่อสร้างที่ยังความน่ามหัศจรรย์อย่างหนึ่งสำหรับสิ่งก่อสร้างในปัจจุบัน ตึกเอ็มไพร์เสตทเป็นตึกสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก สูง 1,248 ฟุต แบ่งออกเป็น 102 ชั้น มีหน้าต่าง 6,500 บาน มีเนื้อที่ 2,158,000 ตารางฟุต ตามปกติจุคนได้ 25,000 คน แต่ถ้าจำเป็นจะจุคนได้ถึง 80,000 คน มีลิฟท์ขึ้นลง 63 ที่ อิฐที่ใช้ก่อสร้าง 10,000,000 ก้อน จากชั้นล่างถึงชั้นที่ 86 เป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างดีที่ไม่เป็นสนิมคิดเป็นน้ำหนัก 730 ตัน บนยอดสุดมีโดมสูงขึ้นไปอีก 200 ฟุต ใช้เป็นที่ทำงานของบริษัทใหญ่ๆกว่า 600 บริษัท รับประกันความถาวรคงทนได้นานถึง 6,000 ปี

        ตึกนี้เริ่มสร้างเมื่อวันที่ ตุลาคม ค.ศ. 1929 เสร็จเรียบร้อยเมื่อ พฤษภาคม ค.ศ. 1937 สิ้นเวลาเพียง 19 เดือนเท่านั้น เมื่อช่างขึ้นไปติดตั้งเดินสายโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อยแล้วสิ้นสายโทรศัพท์ยาวถึง 17,000,000 ฟุต สายไฟฟ้าภายในอาคารสิ้นไปยาวเท่าไหร่ไม่รู้ได้ เฉพาะค่าก่อสร้างในสมัยนั้นเป็นเงิน 5,000,000 ปอนด์ หรือ 2,000,000,000 บาท ในสมัยเงินไทยยังมีค่า ถ้าเป็นปัจจุบันต้องนับเป็นพันล้านบาท

ภาพ:ตึกเอ็มไพรสเตต.jpg
ตึกเอ็มไพร์สเตต

เดลต้า เวิร์ค ประเทศเนเธอร์แลนด์
ภาพ:Delta works.jpg
เดลต้า เวิร์ค
 สะพานโกลเดนเกตท์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
        สะพานโกลเดนเกต เป็นสะพานแขวนที่มีความยาวมากที่สุดในโลก ทอดข้ามอ่าวทางตอนเหนือ ของเมืองซานฟรานซิสโก สร้างเป็นแบบโครงแขวน ตัวสะพานแขวนประกอบด้วยหอคอยเหล็กสองข้างข้างละ 215 เมตร ( 746 ฟุต) ใช้ ลวดเคเบิลที่โยงทอดเป็นตัวดึงน้ำหนักสะพานมีขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 36 นิ้ว ข้างละ เส้น รวม เส้น ยาว 107,000 ไมล์ และยังมีเส้นลวดเล็ก ยึดสายโยงอีกรวม 27,572 เส้น มีช่วงกลางระหว่างตอม่อยาว 1.26 กิโลเมตร ส่วนริม ฟาก ยาวข้างละ 34 เมตร รวมยาวทั้งหมดประมาณ กิโลเมตร มีส่วนกว้าง 27 เมตร เป็นสะพานแบบสะพานแขวนขนาดใหญ่และยาวมากที่สุดสะพานแรกในยุคนั้น จนเป็นที่น่ามหัศจรรย์ของผู้ผ่านไปมาและพบเห็นยิ่งนัก และเป็นแบบอย่างในการออกแบบสร้างสะพานแขวนแบบใหญ่และยาวมากขึ้นไปอีกในโอกาสต่อๆมา

ภาพ:สะพานโกลเด้นเกต.jpg
สะพานโกลเด้นเกต

คลองปานามา ทวีปอเมริกาใต้
        คลองปานามา ทวีปอเมริกาใต้ คลองปานามา (Panama Canal) เป็นคลองที่มนุษย์สร้างบริเวณคอคอดปานามาในประเทศปานามา เพื่อเชื่อมมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรแอตแลนติกเข้าด้วยกัน ซึ่งช่วยย่นระยะเวลาที่ต้องไปอ้อมเคป ฮอร์น (Cape Horn) แหลมทางใต้สุดของทวีปอเมริกาใต้ ในการเดินทางระหว่างทั้งสองมหาสมุทร คลองปานามามีความยาว 82 กิโลเมตร หรือ 51 ไมล์ มีเรือใช้เส้นทางนี้ประมาณ 12,000 ลำต่อปี ใช้เวลาแล่นเรือข้ามคลองประมาณ ชั่วโมง
        คลองปานามาเปิดใช้งานเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1914 และมอบคืนให้กับประเทศปานามาวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 1999
ภาพ:Panama.jpg
คลองปานามา


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น